
ในปัจจุบัน ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย ได้แก่ภูมิแพ้ ซึ่งการหมั่นทำความสะอาดและเลือกใช้ของตกแต่งภายในบ้านที่มีคุณสมบัติไม่อมฝุ่นหรือไม่ก่อให้เกิดไรฝุ่นสะสม เป็นการป้องกันการเกิดภูมิแพ้ได้
หลายคนรู้จักกับคำว่าไรฝุ่น แต่อาจไม่รู้ว่าคืออะไร ตัวไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อยู่ในตระกูลเดียวกับแมงมุม เห็บ และหมัด เป็นสัตว์ที่มี 8 ขา ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่มักอาศัยอยู่ในพรม เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ที่คลุมด้วยผ้า และเบาะในรถยนต์ ชอบอากาศร้อนชื้น ไรฝุ่นแต่ละตัวมีอายุประมาณ 30 วัน ดังนั้นจึงต้องหมั่นทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้และบ้านเรือนอยู่เสมอ
ควรทำความสะอาดผ้าม่านทุก ๆ 6 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นเกาะตามผ้าม่าน โดยใช้เครื่องดูดฝุ่น และตามด้วยเตารีดไอน้ำในการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมอยู่บนผ้าม่าน ช่วยให้สุขภาพร่างกายห่างไกลจากภูมิแพ้ แต่หากต้องการผ้าม่านที่ไม่อมฝุ่น และยังสวยงามรวมถึงมีประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้ผ้าม่านกันไรฝุ่นหรือ ALLERGY CARE ที่ได้รับการรับรองดังนี้
> ผสานนวัตกรรมใหม่ช่วยป้องกันไรฝุ่นลดภูมิแพ้ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นอับชื้น ผ่านกรรมวิธี Sanitized® หรือกรรมวิธีเคลือบผ้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
> ได้รับตรารับรอง BLUE SIGN ว่าผ่านกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
> ได้รับตรารับรองคุณภาพ THAILAND TRUSTED QUALITY
> เป็นผ้าม่านประเภท Dimout ป้องกันรังสียูวี
โดย มีด้วยกัน 3 รุ่น คือ
- Allergy Care Plus (ACP791) – มีให้เลือก 3 สี ด้วยโทนสีเข้ม ให้ mood&tone ที่ดูสุขุมนุ่มลึก
ตัวอย่างผ้าม่าน
- Allergy Care Plus (ACP883) – มีให้เลือก 4 สี พร้อมด้วยดีไซน์ลาย Diamond ที่ดูมันวาว มีเนื้อผ้าเหลือบเงาดูเป็นมิติ
ตัวอย่างผ้าม่าน
- Allergy Care (AGC887) – มีให้เลือก 5 สี ในลวดลายหลุยส์ ด้วยลุคที่หรูหรา สีสันไม่ฉูดฉาดและเนื้อผ้าเหลือบเงาดูมีมิติ
ตัวอย่างผ้าม่าน
ผ้าม่านกันไรฝุ่นเหมาะสำหรับในการแต่งห้องนอน โดยเฉพาะห้องนอนของผู้ป่วย เด็กเล็ก คนชรา รวมถึงสถานที่ ที่มีคนอยู่เยอะ อย่างห้องรับแขก เป็นต้น
นอกจากการเลือกใช้ผ้าม่านที่ป้องกันไรฝุ่น และการทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของไรฝุ่นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง